Monday, January 15, 2007

เด็กข้างถนน : โดย ท.เลียงพิบูลย์ 10

ทันทีที่ท่านพูดจบ ก็เกิดมีเสียงพึมพำขึ้นในหมู่ชนที่อยู่ในที่นั้น บางคนก็ยกมือขึ้นพนมเหนือหัว ร้องขึ้นว่า “สาธุ ท่านได้เปลี่ยนจิตใจมาสู่ทางพระได้ดีเหลือเกินเจ้าประคุณ” ผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างก็รู้สึกว่ามีความเลื่อมใส ตื้นตันใจ ศรัทธาเพิ่มขึ้น เมื่อรู้ที่มาของพระภิกษุองค์นี้ แล้วก็เข้าไปประเคนถวายของขบฉัน โดยเฉพาะเด็กชายวัยรุ่นของผม ก็มีหน้าตาสดชื่นขึ้น ความเป็นเคนเจ้าทุกข์หายไป และพวกคนงานในไร่ที่อยู่ในที่นั้นก็พลอยมีจิตใจเบิกบาน เพราะรู้เรื่องว่าสลัดดำ บัดนี้บวชเป็นพระภิกษุทรงศีลอันบริสุทธิ์ เคร่งต่อระเบียบวินัยเจริญศีลภาวนาเป็นที่น่าเคารพนับถือ มิได้เป็นภัยต่อสังคมแล้วต่อไป ก็ไม่ต้องระมัดระวังคนแปลกหน้า โดยเกรงว่าจะเป็นสลัดดำ แปลกปลอมเข้ามาอีก ทุกคนก็จะได้นอนตาหลับกันเสียที ส่วนผมนั้นรู้สึกเลื่อมใสและเกิดศรัทธา ในพระภิกษุองค์นี้ยิ่งขึ้น เมื่อได้ทราบประวัติของท่านโดยตลอดแล้ว คิดว่าในสมัยปัจจุบันจะหาบุคคลชนิดนี้ได้ไม่ง่ายนัก เรารอจนกว่าท่านฉันเช้าเสร็จ ให้ท่านยะถาสัพพีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นชาวบ้านและคนงานต่างก็นมัสการลาท่านทยอยกันกลับ เหลือแต่ผมและเด็กวัยรุ่นและคนงานในไร่อีก ๒ - ๓ คน ซึ่งยังนั่งสนทนากับท่าน ผมต้องสะอื้นอยู่ในอกด้วยความเลื่อมใสศรัทธาที่ไม่เคยได้พบบุคคลเช่นนี้ ผมจึงได้ปวารณาตัวต่อท่าน และสั่งให้เด็กวัยรุ่นและคนงานรีบกลับไปที่พัก สั่งให้คนครัวจัดอาหารมาให้ทันเวลาถวายเพล และหากท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ให้จัดหามาถวายทุกอย่าง เมื่อเด็กวัยรุ่นและคนงานไปตามที่สั่งแล้ว ผมก็นั่งสนทนากับท่านต่อไป ตอนหนึ่งท่านพูดขึ้นว่า “คุณโยมได้เจ้าหนูมาอยู่ด้วย อาตมาขอแสดงความยินดี เด็กคนนี้เป็นคนมีความกตัญญู จิตใจมั่นคงมีความดี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นนิสัยประจำตัว คุณโยมจะหาไม่ค่อยพบคนที่ไว้วางใจได้เช่นนี้” ผมตอบว่า “จริงครับท่าน เวลานี้ผมรักใคร่แกเหมือนบุตรของกระผมเอง จะขาดแกเสียมิได้ แต่ยังรู้สึกว่าผมเป็นคนมีกรรมมากเพราะถึงจะมีความรักใคร่แกมาก เนื่องจากผมไม่เคยมีบุตร และภรรยาของผมก็ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีภรรยาใหม่ จึงขอร้องให้แกเป็นบุตรบุญธรรมของกระผมโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ผมก็ต้องผิดหวังครับท่าน เพราะแกไม่ยอมรับเป็นบุตร แกขอเป็นเพียงคนงานของผมเท่านั้น จึงทำให้ผมไม่มีความสุขไม่สบายใจตลอดมา แต่ก็ยังดีที่แกยังอยู่ใกล้ๆ ผม หากว่าแกไปจากผมแล้ว ผมคิดว่าในชาตินี้ผมคงไม่มีความสุขแน่ๆ” ผมพูดแล้วก็ถอนหายใจ เพราะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที แต่ก็ได้ยินท่านพูดขึ้นว่า “อาตมาก็เห็นใจคุณโยม แต่เด็กคนนี้เป็นคนมักน้อย และอาตมาก็อยากจะพูดว่าสิ่งใดที่ได้มาง่าย ก็ทำให้ผู้ได้มารู้สึกว่ามีค่าน้อย หากสิ่งนั้นได้มาด้วยความยากลำบาก ก็ยิ่งมองเห็นความดีเด่นชัดยิ่งขึ้น เมื่อได้มาก็ยิ่งเป็นสิ่งมีค่าควรถนอมเป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนทั่วๆ ไป อย่างคุณโยมได้สิ่งของมาด้วยความยากลำบากเช่นนี้ ก็ย่อมจะทราบได้ว่าสิ่งนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่หายาก คุ้มกับคุณค่าของความยากลำบาก ความพยายามของคุณโยมนั้นย่อมจะประสบผลผลตามความปรารถนาสักวันหนึ่งข้างหน้า” ผมได้ยินท่านพูดเช่นนั้นก็บอกว่า “ผมยังมองไม่เห็นว่าจะสำเร็จตามความประสงค์เมื่อใด” พระภิกษุนั้นจึงพูดว่า “อาตมาคิดว่าคงจะไม่นานนัก” และแล้วเราก็สนทนากันด้วยเรื่องอื่นๆ ต่อไป จนได้เวลา คนงานและเด็กวัยรุ่นของผมกลับมาพร้อมด้วยสำรับอาหาร เพื่อถวายเพล เมื่อเห็นทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็นมัสการลาท่านกลับที่พัก ปล่อยให้คนงานกับเด็กวัยรุ่นของผมอยู่ปรนนิบัติ สนทนากับท่านต่อไป เมื่อผมกลับมาถึงที่พักก็รู้สึกอ่อนเพลีย เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นทางจิตใจ เมื่อทานอาหารแล้วก็นอนพักผ่อนไม่ช้าหลับไป จะนานเท่าใดไม่ทราบเห็นจะเป็นเวลาเย็นแล้ว พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเด็กวัยรุ่นนั่งอยู่ข้างๆ เห็นมีธูปเทียนแพอยู่ในพานวางไว้ข้างตัว ผมจึงลุกขึ้นนั่งถามว่า “เธอกลับมานานแล้วหรือ” เด็กวัยรุ่นตอบว่า “ไม่นานหรอกครับ แต่เมื่อเข้ามาเห็นท่านหลับ ผมก็เลยนั่งรอท่านอยู่” ผมจึงถามต่อไปว่า “เธอเอาธูปเทียนมาทำไม หรือจะลาบวช” เด็กยิ้มแล้วตอบว่า “ผมจะมาฝากเนื้อฝากตัว นับถือท่านเหมือนบิดาบังเกิดเกล้า” ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หูตาสว่างใจเป็นสุขขึ้น จึงพูดว่า “เธอจะทำอย่างไรล่ะ” เด็กวัยรุ่นไม่พูดอะไร ยกพานธูปเทียนแพและดอกไม้ไปกราบพระพุทธรูป ผมมองดูแกปฏิบัติด้วยความตื่นเต้น เสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็ยกพานมาวางไว้ข้างหน้าผม แล้วกราบลงสามครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “กระผมจะมาขอเคารพท่านเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของผม นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะปฏิบัติตัวให้อยู่ในศีลธรรม จะมีความซื่อสัตย์สุจริตจะไม่นำความชั่ว และความเสื่อมเสียมาสู่ท่าน จะประพฤติแต่สิ่งที่ดีงาม ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงเป็นที่พึ่งที่ระลึกจนตลอดชีวิต ขอให้ท่านรับผมไว้เป็นบุตรของท่าน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ผมปลื้มใจจนน้ำตาไหล รีบสวมกอดแกด้วยความรักแล้วพูดว่า “ลูกรักของพ่อ พ่อเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว เพิ่งจะได้สมความตั้งใจวันนี้เอง พ่อดีใจมาก ดีใจจนพูดอะไรไม่ถูก ลูกต้องอยู่กับพ่อตลอดไปนะ ไม่มีอะไรจะแยกจิตใจของความเป็นพ่อลูกของเราออกได้จนตลอดชีวิต” เด็กหนุ่มก้มลงกราบแล้วพูดว่า “ครับผมจะนับถือคุณพ่อไปจนตลอดชีวิต” นี่แหละครับ เป็นจุดหมายปลายทางที่ผมต้องการ ผมได้ทราบว่าการที่เด็กปฏิบัติต่อผมเช่นนั้น ก็เพราะได้รับคำแนะนำจากพระภิกษุสลัดดำเป็นผู้สั่งสอนให้ทำ ผมซาบซึ้งใจในความกรุณาของพระคุณเจ้าองค์นี้ยิ่งขึ้น เช้าวันรุ่งขึ้น ผมได้สั่งให้คนงานไปนิมนต์ท่านมาอยู่ในเขตบ้านไร่ของเรา และนิมนต์ฉันอาหารเช้าด้วย เพื่อจะได้เปิดโอกาสให้บุตรผมได้ปรนนิบัติท่านได้สะดวกขึ้น ด้วยความเลื่อมใส และเคารพ แต่แล้วผมก็ต้องผิดหวัง ที่ได้ทราบจากคนงานที่กลับมา