Monday, January 15, 2007

เด็กข้างถนน : โดย ท.เลียงพิบูลย์ 7

เมื่อพูดแล้ว ผมก็สังเกตเห็นแกมีน้ำตาไหลซึมออกมา ทำให้ผมยิ่งสงสารมากขึ้น แต่นึกในใจว่าเด็กคนนี้เหมือนกับคนไม่มีหัวใจ แต่ก็เด็กคนนี้แหละที่ได้ช่วยป้องกันทรัพย์สินของผม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแม้จะหยิบยื่นให้ แล้วผมก็ได้ยินเสียงพูดคล้ายสะอื้นว่า “ได้โปรดเถิดครับ ท่าน อย่า อย่ารับผมไว้เป็นบุตรของท่านเลยครับ ผมจะนำความเดือดร้อนมาให้ท่านได้โปรดเถิดครับ” ผมได้ยินเช่นนั้นก็เสียใจและนึกสงสัยว่า เด็กคนนี้คงจะถูกขู่เข็ญอะไรสักอย่าง แกจึงไม่ยอมมาอยู่กับผม ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นใจและแน่ใจว่าต้องมีเบื้องหลังแน่ ผมจึงปลอบโยนอ้อนวอนขอให้แกบอกเหตุผล ผมจะช่วยแกทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากลำบากสักเท่าใด ในที่สุดแกก็บอกโดยเสียอ้อนวอนผมไม่ได้ แต่อย่างไม่สู้เต็มใจนักว่า “ความจริงผมตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบ กลัวว่าจะให้ท่านพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะจะทำให้ท่านเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนเนรคุณ เมื่อไม่มีอะไรที่จะแก้ความสงสัยได้ ผมก็ต้องบอก” เรื่องมีว่า..... เมื่อลูกพี่สลัดดำถูกจับครั้งจะเข้าทำการโจรกรรมที่บ้านของท่าน เมื่อถูกจับตัวได้ ก็ต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่จองจำและรับโทษตามความผิด เขารู้ภายหลังว่าผมเป็นคนนำความลับมาบอกกับท่าน เขาถือว่าเป็นการทรยศอย่างร้ายแรง เขาฝากบอกมากับลูกน้องว่า เขาเจ็บใจแทบจะอาเจียนเป็นเลือด แค้นใจที่เกลือเป็นหนอน เคยดูคนไม่ผิด แต่คราวนี้ใช้คนผิด คนที่เขาได้ช่วยเหลือชุบเลี้ยงมากลับเนรคุณ เขาโกรธจนพูดอาฆาตออกมาว่า “อ้ายคนอย่างนี้มันต้องฆ่าเสียทั้งโคตร จึงจะหายแค้น” ฉะนั้น พี่สลัดดำจึงสั่งลูกน้องทุกคนว่า “ข้าให้พวกเอ็งคอยระวัง อย่าให้คนอื่นทำอันตรายอ้ายเด็กคนนี้ ใครไม่เชื่อ ข้าพ้นโทษออกมาได้ ข้าจะลงโทษอย่างหนัก ข้าต้องการแก้แค้น ล้างชีวิตด้วยมือของข้าเอง มันถึงจะหายแค้น พวกเอ็งจำไว้ ต้องทำตามคำสั่งข้า โทษของข้ามีความผิดไม่มากมายอะไรนัก ไม่นานข้าคงได้ออก พวกเอ็งคอยดูว่ามันจะหนีไปอยู่ที่ไหน เมื่อข้าออกไป ข้าขอสาบานว่า สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือ ตามสังหารอ้ายเด็กทรยศเพื่อเอาเลือดมันมาล้างแค้น ถ้าญาติพี่น้องของมันอยู่ที่ไหน ข้าจะจัดการให้หมดทั้งโคตรให้สมแค้น” “นี่แหละครับเป็นต้นเหตุที่ผมไม่ยอมให้ท่านมารับบาปร่วมกับผม เพราะถ้าท่านรับผมเป็นบุตรของท่าน ก็ต้องร่วมรับชะตากรรมกับผมด้วย ซึ่งผมทำไม่ได้ เมื่อท่านทราบแล้วกรุณาให้ผมไปตามทางของผมเถิดครับ” เมื่อผมได้ฟังแกเล่าจบก็แทบสะอื้น ด้วยความตื้นตันใจ เด็กคนนี้อายุยังน้อยไม่น่าจะมีจิตใจสูงเกินตัว ยอมเสียสละเพื่อความกตัญญู ผมพูดอะไรไม่ออก ทั้งรัก ทั้งสงสารและเห็นใจ ผมรำพึงในใจว่า ในโลกนี้จะมีเด็กข้างถนนจนๆ ที่จิตใจสูงเช่นนี้สักกี่คน แล้วผมก็ต้องแข็งใจระงับความรู้สึกให้สงบ แล้วจึงปลอบแกว่า “เธออย่าได้วิตกไปเลย เรื่องเพียงเท่านี้ โลกยังมีความยุติธรรมสำหรับคนที่ทำความดี ธรรมะย่อมชนะอธรรม ความดีย่อมชนะความชั่ว ทุกอย่างที่เธอทำไปนั้นเข้าหลักทางธรรมในการสร้างความดี ไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้ ฉันยังอยู่ เธอมีความทุกข์ฉันต้องช่วย ครั้งก่อนเธอช่วยทุกข์ของฉัน แต่พอเธอมีทุกข์ ฉันจะปล่อยให้เธอไปเผชิญทุกข์โดยลำพังฉันทำไม่ได้ อยู่กับฉันเถิดเธอจะปลอดภัยทุกอย่าง” เมื่อพูดจบสังเกตดูกิริยาแกไม่ดีขึ้นเลย แกพูดด้วยเสียงเศร้าๆ ว่า “ผมขอกราบขอบคุณท่านที่ให้ความหวัง และกรุณาผมมากครับ แต่สลัดดำนั้นเป็นคนพูดจริงทำจริง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขัดขวางอย่าไร แกก็ไม่ละความพยายาม ด้วยอำนาจของความพยาบาทและความโกรธแค้น แกคงพลิกแผ่นดินหาทุกแห่ง ผมสังหรณ์ใจว่าต้องพบแกแน่ แม้แกพ้นโทษออกมาแล้ว แกคงไม่ยอมให้กฎที่แกตั้งไว้นั้นเป็นหมันไป เพราะมันจะเสื่อมเสียการปกครองลูกน้อง ทำให้หมดความนับถือ” ผมปลอบแกอีกว่า “ฉันรับรองเธอจะไม่เป็นอันตราย แม้แต่เพียงเลือดตกยางออกก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ฉันจะส่งเธอไปที่ไร่ของฉันที่อยู่ต่างจังหวัด เธอเลิกวิตกทุกข์ร้อนได้แล้ว เพราะไร่ของฉันอยู่ไกลหูไกลตาพวกสลัดดำมาก และที่ไร่ของเราก็มีคนงานที่แข็งแรงล้วนแต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ จะไม่มีใครที่แปลกปลอมเข้าไปได้เป็นอันขาด เธอวางใจได้ที่ไร่นั้นมีอากาศดี มีคนงานที่แข็งแรงทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้ม มีแต่ความเป็นมิตร ที่พักก็สบาย ของเครื่องใช้ก็มีพร้อมบริบูรณ์ คงทำให้ใจสบายขึ้นมาก ฉันจะสั่งคนงานทุกคนให้คอยป้องกันเธอ ที่นั่นก็ไม่ใช่ตำบล หมู่บ้านที่ใหญ่โตอะไรนัก เพียงแต่คนแปลกหน้าเข้าไปเราก็จะรู้ทันที เราจะวางคนไว้ตลอดทั้งที่ตลาดและในหมู่บ้าน และชาวบ้านแถวนั้นรักใคร่นับถือฉันมาก ฉะนั้นเธอนอนใจเสียเถิด ทุกคนจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ไม่มีใครรอดพ้นสายตาเข้าไปทำร้ายเธอได้หรอก เธอต้องเชื่อฉัน” ผมได้พยายามอ้อนวอนแกให้อยู่กับผม ที่สุดแกก็ตกลง แต่แกขอให้ผมรับแกไว้เป็นเพียงแค่ลูกจ้าง ทำงานอย่างธรรมดา มิฉะนั้นแกจะไม่ยอมไปอยู่ด้วย ผมรู้สึกเสียใจยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้ผมมีความรักใคร่แกเหมือนลูก แต่ผมก็ต้องตกลงตามใจแกอย่างน้อยแกก็อยู่ใกล้ผม หลังจากแกเข้าไปอยู่ในไร่ของผม สังเกตดูแกไม่มีอะไรดีขึ้น แกคงเป็นเด็กเจ้าทุกข์ คล้ายกับว่าในชีวิตของแกคงจะหาความสุขไม่ได้ตลอดไป ผมพยายามทุกอย่างเพื่อให้เด็กคนนี้มีความสุขเหมือนคนทั้งหลาย ผมพลอยมีความทุกข์เป็นห่วงแก เลยไม่มีความสุขไปด้วย เพราะความรักเอ็นดูที่ผมมีต่อแก ซึ่งนับวันจะมีมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ผมมองเห็นว่าจะนำความสุขมาให้แกได้ ผมไม่เคยนิ่งนอนใจ แต่ก็ไม่ทำให้แกดีขึ้น ความเป็นห่วงทำให้ผมต้องไปอยู่ประจำในไร่ของผมด้วย วัน เดือน ปี ผ่านไปความเป็นคนเจ้าทุกข์ของแกก็ยังคงอยู่อย่างเดิม ผมได้พยายามนำแกไปหาพระตามวัด เพื่อจะช่วยให้จิตใจของแกดีขึ้น และผมคิดว่าเมื่อแกมีอายุครบปีบวชแล้ว ผมก็จะจัดการบวชให้ บางทีแกจะมีความรู้สึกดีขึ้น และคงมีความสุข เมื่อได้รับความสงบทางใจโดยอาศัยรสพระธรรม วันหนึ่งคนในไร่ของเราบอกว่า มีพระธุดงค์มาปักกลดพักอยู่ที่ปลายไร่ทางทิศตะวันออก วันรุ่งขึ้นตอนเช้าผมจึงชวนแก จัดอาหารนำไปถวายพระธุดงค์ เช้าวันนั้นผมจำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ พวกคนงานในไร่หยุดพักผ่อน ผมถือโอกาสชวนคนงานในไร่ที่สมัครไปด้วย เพราะถือว่าอย่างน้อยโอวาทของพระย่อมจะมีประโยชน์ทางจิตใจแก่คนงานเราบ้าง ตกลงในเช้าวันนั้นจึงมีผม เด็กหนุ่มกับพวกคนงานในไร่อีกประมาณ ๓ - ๕ คน ต่างก็ช่วยกันนำอาหารคาวหวานไปถวายพระ ตรงไปยังที่ซึ่งพระธุดงค์กางกลดอยู่ เมื่อเราไปถึงเห็นคนงานในไร่ และชาวบ้านมีทั้งผู้เฒ่าผู้แก่มาคอยอยู่ก่อนแล้ว ๗ - ๘ คน เราก็ทักท่านปราศรัยกันตามที่รู้จักคุ้นเคยกับชาวบ้านพวกนี้มา โดยหวังจะขอเครื่องรางของขลังให้ทำนายโชคชะตาเป็นส่วนมาก ส่วนพระธุดงค์นั้นท่านยังอยู่ในกลดซึ่งยังไม่ได้ตลบขึ้น ยังคลุมถึงพื้นเราจึงมองไม่เห็นท่าน ได้ยินเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้าอยู่ในกลด พวกเราไปถึงก็นั่งรอท่านอยู่ห่างๆ รอบกลด คอยว่าเมื่อท่านสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จ แล้วออกมาก็จะประเคนสำรับอาหารคาวหวานซึ่งต่างก็หามาถวาย เมื่อรอจนท่านสวดมนต์ทำวัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ตลบกลดขึ้น และทักท่านปราศรัยกับผู้ที่ไปคอยถวายอาหารแก่ท่านโดยทั่วกัน ท่านสำรวมอิริยาบถสมกับเป็นสมณเพศ เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใส ทุกคนพากันกราบลงด้วยความเคารพ ทันใดนั้นสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้น คือ พอเด็กหนุ่มมองเห็นหน้าพระภิกษุรูปนั้นถนัด ก็ร้องออกมาอย่างลืมตัวว่า “หลวงพี่สลัดดำ” ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้ยินก็ตะลึง เพราะต่างก็ชินหูกับชื่อนี้มาแล้ว ผมเองได้ยินแล้วก็ตกใจ เมื่อระงับใจเป็นปกติแล้วพิจารณาดูหน้าของพระภิกษุรูปนั้น แล้วก็จำได้ว่าใช่สลัดดำแน่ บัดนี้ท่านได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ไปแล้ว ขณะที่ทุกคนในที่นั้นยังตกตะลึงอยู่ พระภิกษุรูปนั้นก็ไม่ได้แสดงกิริยาให้ผิดปกติ คงสำรวมกิริยาอย่างสงบ ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความเมตตากรุณายิ้ม แล้วก็พูดช้าๆ ว่า