Monday, January 15, 2007

เด็กข้างถนน : โดย ท.เลียงพิบูลย์ 3

วันหนึ่งผมจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ก่อนสิ้นเดือนสองวัน ผมต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารตอนเช้า เพราะตอนบ่ายธนาคารปิดและจำเป็นต้องนำเงินไปจ่ายทางไร่ นอกจากจะจ่ายตามปกติประจำเดือนแล้ว ผมยังเบิกเงินไปวางมัดจำซื้อที่เจ้าของไร่ที่อยู่ข้างเคียงกับไร่ของผม เพื่อขยายกิจการให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น เงินสดจำนวนมากนี้ผมได้นำมาเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อการสะดวกก่อนจะนำไปไร่ในตอนเช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันสิ้นเดือนพอดี ค่ำวันเสาร์นั้นเอง เมื่อผมกลับจากธุระกำลังเดินเข้าซอยกลับบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินตามมาข้างหลัง เมื่อเข้าไปถึงกลางซอยก่อนจะถึงบ้านผม ขณะนั้นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน อากาศย่ำค่ำทำให้มองหน้าตากันไม่ถนัดนัก เพราะซอยนั้นเทศบาลยังไม่ได้ตามไฟ ผมได้ยินเสียงเรียกค่อยๆ พอได้ยินมาจากทางหลังว่า “ท่านครับหยุดก่อน” ผมชะงักหยุดเดิน เมื่อเหลียวไปเห็นเด็กอายุประมาณ ๑๒–๑๓ ปี เดินตามมา พอมาทันก็ยกมือขึ้นไหว้ ผมจึงถามว่า “เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือ” เด็กคนนั้นแสดงกิริยาอ่อนน้อมแล้วพูดค่อยๆ ราวกับกลัวคนได้ยิน และกลัวคนเห็น แกเหลียวดูซ้ายขวาตลอดเวลา และพูดว่า “มีธุระสำคัญมากครับท่าน จำผมได้ไหมครับ ผมเด็กชายหวานเย็นที่ท่านให้เงินแปดสิบบาท” ผมพิจารณาดูอีกทีก็จำได้ จึงพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “อ้อ ! หนูฉันจำเธอได้แล้ว ดีใจมาก เธอมีธุระอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” เสียงเด็กตอบอย่างระมัดระวังว่า “ไม่มีอะไรต้องรบกวนให้ท่านช่วยเหลือหรอกครับ ผมมาเตือนท่านเพราะท่านมีบุญคุณต่อผม” ผมชักสงสัยจึงถามว่า “เธอมาเตือนฉันเรื่องอะไร ไหนบอกให้รู้ซิ” เด็กชักปากสั่นกว่าจะพูดออกมาได้ เสียงที่พูดได้ยินคล้ายเสียงกระซิบว่า “คืนพรุ่งนี้วันอาทิตย์ เวลาตีสี่จะเกิดโจรกรรมขึ้นในบ้านท่าน” ผมได้ยินเสียงนั้นสะดุ้งย้อนถามว่า “เธอรู้ได้อย่างไรเรื่องสำคัญเช่นนี้” เด็กตอบว่า “ผมรู้จากคนที่จะมาขโมยบ้านท่าน” ผมร้อนใจจึงถามว่า “ใคร” เด็กกระซิบตอบว่า “สลัดดำ” ผมต้องสะดุ้งเพราะเคยได้ยินชื่อ โจรคนนี้วางแผนการณ์แนบเนียนมาก จึงย้อนถามว่า “มันรู้ได้อย่างไรว่าบ้านฉันมีเงิน” เด็กกระซิบบอกว่า “คนใช้ คนครัวในบ้านของท่านเป็นสาย และท่านระวังอาหารเย็นจะถูกวางยานอนหลับ แต่อยากจะขอให้ท่านสัญญากับผมสักอย่าง” ผมสงสัยจึงถามว่า “เธอต้องการให้สัญญาอะไร เธอต้องการเงินหรือ” เสียงเด็กรุ่นหน้าเศร้าลงว่า “เปล่าครับ ผมไม่ต้องการเงิน แต่อยากขอร้องท่านกรุณาอย่าทำอันตรายแก่สลัดดำ เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณเขา ตกลงนะครับท่าน” ผมนึกติเตียนตัวเอง ที่ตีราคาเด็กคนนี้ต่ำเกินไป จึงรีบรับปากว่า “ตกลง ฉันจะพยายามเพื่อเห็นแก่เธอ” เด็กหนุ่มดีใจ ตอบว่า “ขอบคุณท่านมาก ผมต้องรีบไปละครับ ถ้าเขารู้เข้าผมต้องตายแน่” พูดแล้วก็รีบเดินทางไปทันที ผมจึงบอกว่า “เธอต้องกลับมาหาฉันอีกนะ” แต่เด็กเดินออกไปไกลเกินว่า ที่จะได้ยินคำพูดของผมเสียแล้ว สังเกตดูแกกลัวภัย คอยระวังตัวอยู่เสมอ คืนนั้นผมยิ่งนึกก็ยิ่งเห็นจริงว่า ผมเบิกเงินจากธนาคารมาไม่มีใครรู้ นอกจากคนในบ้านเท่านั้น ในบ้านก็มีคุณป้าของผมเป็นผู้ดูแลจัดการในบ้าน นอกนั้นก็มีพวกบ้านไร่ร่างกายแข็งแรง ซึ่งจะเดินทางมาแจ้งถึงการตกลงซื้อขายไร่ข้างเคียง และจะเดินทางกลับไปพร้อมกับผมในวันจันทร์ พวกนี้มีความซื่อตรงและรักใคร่ผมดี แต่คนรับใช้และแม่ครัว ผู้หญิงสองคนนี้เพิ่งจะมาอยู่ใหม่ยังไม่ถึงสามเดือน และบัดนี้ก็รู้แน่ชัดแล้วเพราะสองคนนี้เองผลัดกันออกนอกบ้านคราวละนานๆ คงนำข่าวการเบิกเงินซื้อไร่ของผมไปบอกพวกโจรอย่างไม่ต้องสงสัย นึกแล้วรู้สึกใจเต้น เพราะผมยังไม่เคยรับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย แต่ก็เป็นบุญกุศลที่รู้ล่วงหน้าเสียก่อน นี่ก็เห็นจะเป็นความดีของผมที่ได้ให้เงินแก่เด็กขายหวานเย็นเมื่อครั้งนั้น ได้เกิดผลสนองขึ้น ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเป็นห่วงเด็กคนนั้นมากขึ้น การที่แกฝ่าอันตรายมาบอกผม ถ้าหากพวกโจรรู้เข้า แกก็คงได้รับอันตรายถึงคอขาดบาดตายแน่ คิดแล้วก็ไม่สบายใจ ต่อมาเมื่อถึงเวลากำหนดพวกโจรก็มาตามนัด แต่ได้ถูกพวกรักษากฎหมายซ้อนกลจึงจับได้หมดทุถกคน โดยมิได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่รู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว ไม่ช้าพวกเหล่าร้ายก็ได้รับโทษตามความผิดที่ตนได้ทำไว้ มากน้อยทั่วทุกคน แต่การรับสารภาพย่อมได้รับความปรานีเป็นธรรมดา หลังจากนั้นผมก็เฝ้าคอยเด็กคนนั้น เข้าใจว่าแกคงจะมาหาแต่ก็ไม่ได้พบอีกเลย คราวนี้ผมมีความร้อนใจ เกิดมีความเอ็นดูสงสารแกขึ้นมา เห็นจะเป็นเพราะแกสร้างความดีโดยป้องกันทรัพย์สินให้พ้นจากโจรภัย เป็นความดีเด่นประจักษ์ในความกตัญญูของแก สิ่งนี้ได้เกิดชักจูงใจผมให้เกิดความรักใคร่และสงสารอันแท้จริงซึ่งผมจะลืมไม่ได้ อีกอย่างหนึ่ง การที่แกช่วยป้องกันทรัพย์สินให้ผมในคราวนี้ เห็นได้ชัดว่าแกมิได้หวังสินจ้างรางวัลสิ่งใดตอบแทน หากว่าเป็นเพราะแรงกตัญญู ถ้าแกหวังสินจ้างแล้วแกคงรีบมาหาผมอีกทันที ผมได้พยายามให้คนไปสืบหาอยากจะพบแก อยากนำมาเลี้ยงดูต่อไป เพื่อตอบแทนความดี แต่ก็หาไม่พบ ผมออกจะเป็นห่วงในอนาคตของเด็กคนนี้มาก และเริ่มเห็นความดีของแกเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่แกรู้ดีว่า หากแกมาหาผมแกก็จะได้รับรางวัลในความดีขอความชอบครั้งนี้อย่างแน่นอน แม้แต่ครั้งก่อนซึ่งแกยังไม่เคยทำความดีอะไร ผมก็ยังมอบเงินให้แปดสิบบาท แกย่อมเข้าใจดี นี่แหละเป็นจุดที่ทำให้ผมเพิ่มความรักและสงสารแกมากขึ้น ต่อมาผมคิดว่า ถ้าเราได้อาศัยเจ้าของท้องที่ช่วยสืบหาคงได้ผล ผมจึงของร้องให้เพื่อนผู้เป็นนายตำรวจช่วยจัดการสืบหาให้ เพื่อนผู้นั้นกล่าวเป็นคติว่า