Monday, January 15, 2007

ความดี โดย ท.เลียงพิบูลย์ (4)

ผมได้ฟังตั้งแต่ชายผู้นั้นเริ่มเล่า ความทรงจำเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านไปในอดีตที่ไม่เคยสนใจมาก่อน ก็ค่อยผุดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้งหนึ่ง ค่อยๆ มองเห็นภาพเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อแกถามผมว่า "ท่านจำผมได้หรือยังครับ" ผมได้ฟังเรื่องราวดูแล้ว ก็จำได้ถูกต้อง จึงพูดว่า "คุณเล่าให้ผมฟังเช่นนี้ ผมก็นึกออกแล้ว ผมยังจำเรื่องราวต่อไปได้ดี ครั้งนั้นบังเอิญผมมีธุระกับนายทหารญี่ปุ่นที่ในค่าย ได้เห็นทิดสึกใหม่ผมยังสั้น คิ้วยังไม่ทันขึ้น ถูกทหารญี่ปุ่นคุมตัวเข้ามา ผมเห็นหน้าก็เกิดสงสาร เพราะหน้าซื่อๆ ไม่น่าจะเป็นขโมยงัดโกดัง เมื่อซักถามเรื่องราวดู ก็รู้สึกว่าเขาคงเจ้าใจผิดกันแน่" ผมจึงถามนายทหารญี่ปุ่นผู้นั้นเป็นภาษาอังกฤษว่า "ท่านจับคนไทยคนนี้มามีโทษทำอะไรผิด" นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นเป็นผู้มีนิสัยดี ได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงโตเกียวมาแล้ว เป็นคนมีความรู้และมีเหตุผล จึงบอกว่า "พวกนี้เป็นนักก่อกวน ได้ทำการงัดโกดังเก็บของขโมยเครื่องใช้สงครามไป เป็นการทำลายกำลังของมหาจักรพรรดิ เมื่อพูดถึงกฎอัยการศึกในเวลาสงครามแล้ว ชายผู้นี้ต้องมีโทษถึงประหารชีวิต" ผมจึงถามว่า "ท่านแน่ใจหรือว่า ท่านจับคนที่บริสุทธิ์ไม่มีความผิดมาลงโทษ เพราะเราคนไทยถือว่า การลงโทษคนที่ไม่มีความผิดบาปหนักมาก" นายทหารผู้นั้นพูดว่า "จริง เราถือว่าถ้าลงโทษผู้ไม่มีความผิดนั้นเป็นบาป แต่คนนี้เห็นจะจับตัวมาไม่ผิดแน่" นายทหารผู้นั้นตอบว่า "ก็ทหารของเรามารายงานว่าเขาวิ่งไล่ชายผู้นี้ออกไป ที่สุดก็ตามทัน ฉะนั้นคงจับตัวไม่ผิดแน่" ผมจึงพูดว่า "ทหารของมหาจักรพรรดิเป็นทหารที่มีระเบียบวินัยดี มีความรักชาติยิ่งชีวิต เพราะทุกคนสละชีวิตเพื่อชาติและรักความเป็นธรรม เคารพเหตุผลเป็นที่ชมเชยกันทั่วโลก ไม่ว่ามิตรหรือศัตรูจริงไหม" นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ "พวกเราทหารของพระมหาจักรพรรดิทุกคน รักษาระเบียบวินัยและรักความยุติธรรมยิ่งชีวิต" ผมจึงพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น ท่านจะอนุญาตให้เราสอบปากคำผู้ที่ท่านจับมานี้ เพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่ลงโทษคนบริสุทธิ์ได้ไหมและผมก็ไม่เคยรู้จักชายผู้นี้มาก่อน แต่ผมไม่อยากจะเห็นคนบริสุทธิ์ได้รับโทษ ถ้าเขาทำผิดจริง ผมก็ไม่ขัด เพราะผมไม่ชอบคนทุจริต" นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นรักษาความเป็นธรรม เป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่งที่ผมเคยพบมา แกอนุญาตให้เวลาผม ๒๐ นาที เพื่อหาเหตุผลว่าชายผู้นี้บริสุทธิ์ ถ้าพิสูจน์ได้เป็นความจริง ก็จะปล่อยตัวไป เวลานั้นผมก็ยังไม่แน่ใจจะหาเหตุผลอันใด มาลบล้างข้อหาในเวลาจำกัดเช่นนี้ แต่ก็ต้องเสี่ยงดู ถ้าเป็นบุญกุศลก็คงช่วยได้ เมื่อผมสอบถามได้ความตามที่ชายผู้นั้นเล่ามาข้างต้นแล้ว ผมก็ยื่นมือไปจับมือแกเป็นการตกลงว่าผมจะช่วย และปลอบใจแกไม่ให้กลัว ก็รู้ว่าแกเป็นคนบริสุทธิ์แน่นอน ผมจึงพูดว่า "คุณเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องตกใจ คนมีความกตัญญูคงจะกลับไปหาแม่ของคุณได้ในวันนี้" สายตาของชายผู้นั้นแสดงความหวังขึ้นมาพลางพูดว่า "ถ้าผมหลุดพ้นข้อหาไปได้ ผมก็เป็นหนี้บุญคุณของท่านไปตลอดชาติ ผมจะไม่ลืมเลย" ผมจึงบอกกับชายผู้นั้นว่า "อย่าไปพูดถึงบุญคุณเลย ที่ช่วยนี่ก็เพราะคุณมีความกตัญญูต่อแม่ ซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับทุกข์จึงอยากช่วย" เวลานั้นไม่มีใครรู้ ผมมีหลักฐานเพียงพอแล้ว จึงบอกกับนายทหารญี่ปุ่นว่า อยากจะพบกับทหารญี่ปุ่นคนที่พบคนร้ายกำลังเข้างัดโกดัง ซึ่งเป็นเวลากลางวันแสกๆ อย่างกล้าหาญมาก เพราะรู้ว่ากลางวันทหารญี่ปุ่นไม่ค่อยกวดขันมาก ไม่ช้าทหารญี่ปุ่นผู้นั้นก็ถูกตามตัวมาให้ผมสอบ โดยผ่านนายทหารเป็นผู้แปลจากคำอังกฤษเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ได้ความว่าทหารญี่ปุ่นผู้นี้เห็นคนร้ายทั้งสามคนรูปร่างล่ำสัน ถือชะแลงเหล็กคนละอันช่วยกันงัดประตูโรงเก็บของ แต่เมื่อเห็นเข้าก็เป่านกหวีดเรียกเพื่อนๆ มาสกัดจับ แต่พวกขโมยมีแผนการรู้ทางหนีดี กว่าทหารญี่ปุ่นจะมาถึงต่างก็หลบหนีทิ้งชะแลงไว้ทั้งสามอัน ผมจึงขอให้เขานำชะแลงเหล็กที่พวกผู้ร้ายทิ้งไว้นำมาพิจารณาทั้งสามอัน ทหารญี่ปุ่นมีความสงสัยว่ามันไม่เกี่ยวกับการหาหลักฐาน แต่ผมว่ามันเกี่ยวแน่ แล้วผมก็ให้นายทหารญี่ปุ่นผู้นั้นจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานในเรื่องที่ผมได้ซักถาม และแกก็ตามผมอดนึกชมเชยนายทหารญี่ปุ่นผู้นั้นไม่ได้ว่า แกเป็นผู้รักความยุติธรรมอย่างน่านับถือ เพราะถ้าหากแกไม่ยอมเสียเวลาให้ผมสอบสวน โดยเอาอำนาจของแกตามอารมณ์เป็นใหญ่ แล้วเรื่องก็จะลงเอยกันด้วยความเศร้า ผมถามย้ำกับนายทหารยามผู้นั้นว่า เห็นคนร้ายกำลังยกชะแลงเหล็กขึ้นงัดประตูทั้งสามคนนั้นแน่หรือ ก็ได้รับการยืนยันว่าแน่ไม่ผิด และว่าชายสามคนนั้นท่าทางแข็งแรงมาก เมื่อผมถามว่า เขาแน่ใจหรือเปล่าว่าชายผู้ที่ถูกจับมานี้ได้ร่วมการงัดโกดังด้วยชะแลงคนหนึ่งในสามคน แต่เมื่อนายทหารญี่ปุ่นคนนั้นพิจารณาดูก็เกิดความลังเลใจ แต่ก็ตอบว่า "ถ้าเขาวิ่งหนีก็ต้องร่วมงัดโกดังด้วย ส่วนรูปร่างเขาไม่แน่ใจ เพราะเห็นแต่ไกลจำหน้าไม่ได้" ผมจึงถามว่า "เคยมีผู้ร้ายมางัดโกดังมาก่อนหรือเปล่า" ก็ได้รับคำตอบว่าประมาณยี่สิบวันมานี้ ก็มีคนร้ายมางัดโกดังครั้งหนึ่ง และรู้สึกว่าจะเป็นพวกเดียวกับพวกที่หนีไปวันนี้ ของที่ถูกขโมยไปวันนี้ มียางนอกยางในรถบรรทุกหายไปหลายเส้น เมื่อถามมาถึงเพียงนี้ก็หมดเวลาที่ได้อนุญาตนายทหารญี่ปุ่นผู้นั้น จึงขอให้ผมอ้างหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพื่อจะให้ชายผู้นี้พ้นข้อหาไป ผมขอเสนอให้พิจารณาหลักฐานเพียง ๓ ข้อ และขอให้พิจารณาให้เที่ยงธรรม นายทหารญี่ปุ่นผู้นั้นก็รับคำ ข้อ ๑. ชายผู้นี้ได้บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ย่อมได้รับการอบรมศึกษาาในศีลธรรมและระเบียบวินัยตามศาสนา ย่อมจะไม่ประพฤติสิ่งที่ชั่วร้ายผิดศีลธรรม การที่บุคคลผู้นี้สึกจากพระออกมาเป็นฆราวาส ก็เพราะความกตัญญูต่อมารดาผู้บังเกิดเกล้า ซึ่งมีวัยชราไม่มีใครดูแลหาเลี้ยง เพราะน้องชายสองคนที่เคยทำงานหาเงินเลี้ยงดูมารดาก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารไปราชการสงคราม จำเป็นที่พี่ชายผู้นี้จะต้องรับภาระเลี้ยงดูมารดาผู้ชราต่อไป การที่แกวิ่งหนีมิได้หมายความว่าวิ่งหนี หากแต่แกเห็นเอะอะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงวิ่งไปหามารดาเพราะเป็นห่วง ข้อ ๒. ทางโกดังก็เคยถูกงัดมาแล้วเมื่อประมาณ ๒๐ วัน และความเข้าใจของทหารยามว่า คงเป็นพวกเดียวกันกับคนร้ายมาทำโจรกรรมในวันนี้ แต่ชายผู้นี้เพิ่งจะสึกมาได้เพียงสามวัน ไม่มีข้อสงสัยว่าชายผู้นี้จะมีการร่วมทำการโจรกรรมครั้งนี้ด้วย ข้อ ๓. ตามที่ทหารยามบอกว่า คนร้ายได้ใช้ชะแลงเหล็กงัดโกดังทั้งสามคน ฉะนั้นขอรับรองว่าชายผู้นี้ไม่เคยแตะต้องชะแลงเหล็กมาก่อนเลย อย่างน้อยก็เป็นเวลาสามเดือน จะพิสูจน์ได้ก็ที่ฝ่ามือของชายผู้นี้อ่อนนุ่มนิ่ม เพราะมิได้ทำงานหนักมาก่อน