Monday, January 15, 2007

เด็กข้างถนน : โดย ท.เลียงพิบูลย์ 1

คืนวันหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ ข้าพเจ้าได้ไปในงานศพภรรยาของเพื่อน ที่คุ้นเคยรักใคร่นับถือกันมาก คืนนั้นมีสวดอภิธรรมหน้าศพ เจ้าภาพได้ตั้งศพไว้ที่บ้าน ข้าพเจ้าไปถึงก่อนพระสงฆ์จะมาสวดพระอภิธรรม หลังจากนำดอกไม้สดและธูปเทียน เข้าไปทำความเคารพศพตามประเพณีแล้ว ก็ออกมานั่งสนทนากับเจ้าภาพ และเพื่อนๆ ส่วนมากเป็นผู้ที่คุ้นเคยกันมาก่อนที่ชานบ้าน ซึ่งเจ้าภาพจัดเก้าอี้ไว้สำหรับแขก จากนั้นแขกซึ่งจะมาเยี่ยมศพ และฟังสวดพระอภิธรรม ต่างก็แต่งกายไว้ทุกข์ ค่อยทยอยกันเข้ามาในบ้านทั้งชายและหญิง บ้างก็มีพวงหรีด บ้างก็มีช่อดอกไม้สด บางท่านก็มีพวงมาลัยมาด้วย เพื่อนข้าพเจ้าผู้เป็นเจ้าภาพกุลีกุจอออกไปต้อนรับ และนำไปห้องตั้งศพเพื่อทำความเคารพ ข้าพเจ้ากำลังนั่งคุยกับเพื่อนสามสี่คน ด้วยเรื่องชีวิตเก่าๆ พอดีเห็นเจ้าภาพนำชายผู้หนึ่ง อายุล่วงเข้าปัจฉิมวัยแล้ว แต่ยังแข็งแรงท่าทางสง่า และแสดงว่าเป็นผู้มีใจดีเดินเข้ามา ข้าพเจ้าได้ยินแต่หางเสียงเจ้าภาพแต่ไกลบอกว่า “โน่น เดี๋ยวผมจะแนะนำให้” ข้าพเจ้ามองดูด้วยความสงสัย ไม่ช้าเจ้าภาพได้นำชายผู้นั้นเดินเข้ามาที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ และแนะนำขึ้นว่า “ท่านผู้นี้อยากพบอยากรู้จัก เพราะสนใจในหนังสือ” ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณท่านผู้นั้น เจ้าภาพได้แนะนำให้รู้จักทั่วกัน และเชิญให้ท่านนั่งร่วมสนทนากับข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ถึงเรื่องต่างๆ รู้สึกว่าเราเข้าใจและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว หลังจากได้สนทนากันนานพอควรแล้ว ท่านผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ผมมีเรื่องแปลก และเป็นคติอยู่เรื่องหนึ่ง แทบไม่น่าเชื่อ แต่ผมได้ประสบมาด้วยตนเอง จึงอยากจะพบคุณ เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง ครั้งแรกผมตั้งใจจดบันทึกแล้วส่งไปให้คุณ แต่พอจะเริ่มลงมือเขียนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร บังเอิญได้พบคุณในงานนี้ ผมดีใจมาก เพราะผมจะได้มีโอกาสถ่ายทอดเรื่องนี้ให้คุณไป เพราะมันอัดอยู่กับผมมานานแล้ว ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือของคุณ ผมจึงคิดได้ว่า เรื่องของผมถ้าไม่มอบให้คุณมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้น” ความจริงเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว คือ วันหนึ่งผมไปหาเพื่อนที่บางลำภู ประตูใหม่ ด้วยธุระบางอย่าง ขากลับเดินมาทางสะพานผ่านฟ้า พอขึ้นสะพานได้พบเด็กชายขายสลากกินแบ่งรัฐบาล กำลังชูสลากร้องขายว่า “เหลือใบเดียวครับ ใบเดียวๆ ๆ ครับ” พอผมเห็นเด็กจึงเกิดนึกขึ้นได้ว่า ตอนจวนสว่าง คืนนั้นผมเกิดฝันว่า ผมได้พบพระสงฆ์องค์หนึ่ง ขณะกำลังเดินไปที่แห่งหนึ่งพระองค์นั้นครองจีวรเรียบร้อยเป็นสง่า น่าเคารพนับถือ และมีเด็กคนหนึ่งเดินตามหลังมาด้วย ท่านเดินตรงเข้ามาหาผม ในฝันนั้นผมยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพ ตามมารยาทของชาวพุทธ เพราะในที่นั้นไม่มีคนอื่นนอกจากพระสงฆ์ ผม และเด็กอีกคนหนึ่งเท่านั้น ผมถามท่านว่า “ท่านจะไปไหนครับ” ท่านยิ้มแล้วตอบว่า “อาตมาจะมาหาคุณ” ผมสงสัยจึงถามท่านว่า “มีสิ่งใดที่กระผมพอจะรับใช้ท่านได้ ผมยินดี” ก่อนที่จะพูดท่านได้เหลียวหลังไปดูเด็ก แล้วหันมาพูดว่า “อาตมาเอาเด็กมาให้” พอท่านพูดจบเด็กก็เดินตรงมาหน้าผม แล้วทำท่าจะก้มลงกราบ ผมรีบกอดเด็กนั้นไว้ ด้วยความเอ็นดูก่อนที่เด็กจะก้มลงแล้วพูดว่า “หนูมาอยู่กับฉันเถิด” ยังไม่ทันที่เด็กจะพูดอะไร ผมก็ตกใจตื่น เพราะนาฬิกาปลุกเกิดรัวดังขึ้น มองดูนาฬิกาตีห้าครึ่ง ผมตื่นขึ้นก็คิดว่าเป็นความฝันที่แปลกประหลาดมาก เป็นความฝันสั้นๆ ที่จำได้ติดหูติดตา ถ้าหากผมมีภรรยา ไม่ต้องสงสัยว่าความฝันนี้ต้องมีความหมายว่า ผมจะได้บุตรเป็นชายแน่ แต่ภรรยาผมได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว และผมก็ได้รับสัญญากับเธอ ก่อนที่เธอจะหมดลม ด้วยความรักและสงสารในความเป็นห่วงของเธอ กลัวทรัพย์สินที่ตกทอดมาถึงผม จะถูกภรรยาใหม่ผลาญ ผมจึงรับปากว่า ผมจะไม่มีภรรยาใหม่อีกในชาตินี้ เพื่อเธอจะได้หมดความเป็นห่วง ฉะนั้น การที่จะได้บุตรชายตามความฝันเป็นอันหมดหวัง ไม่ต้องคิดต่อไป แต่พอเห็นเด็กชายขายสลากกินแบ่งจึงนึกได้ ผมจึงตกลงใจซื้อสลากใบนั้น แล้วเขียนลงไปในต้นขั้วว่า “เด็กให้ลาภ” เมื่อผมฉีกสลากออกจากต้นขั้ว แล้วก็หยิบเงินให้เด็กคนขาย เมื่อเด็กรับเงินแล้วก็พูดว่า “ขอให้คุณโชคดีนะครับ” ผมนึกเอ็นดูจึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าฉันถูกจะให้รางวัลเธอ แต่จะพบเธอได้ที่ไหนล่ะ” เด็กยิ้มแล้วก็ตอบว่า “ผมอยู่แถวบางลำ ภูและสะพานผ่านฟ้านี่แหล่ะครับ” ต่อจากนั้นผมไม่ได้สนใจอีก เพราะตามปกตินานๆ ผมจึงจะได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลสักครั้งหนึ่ง บางครั้งเมื่อออกสลากแล้วผมก็ลืมตรวจ ทิ้งไว้ตั้งสองเดือนจึงได้ตรวจ แต่ไม่เคยถูกเลย ครั้งนั้นในวันออกสลากผมได้ยินข้างบ้านเขาเปิดวิทยุฟังผลการออกสลาก ผู้อ่านประกาศตัวเลขเสร็จ แล้วก็ประกาศชื่อผู้ถูก บังเอิญผมได้ยินแต่ชื่อผู้ถูกว่า “เด็กให้ลาภ” ผมก็เกิดดีใจขึ้นมา แต่เลขที่ออกนั้นผมไม่ได้สนใจฟังแต่แรก จึงไม่ทราบว่าตรงกันกับเลขหมายฉบับของผมหรือไม่ เกรงว่าต้นขั้วจะไปลงพ้องกับใครเข้า เพราะไม่ได้ลงชื่อจริง ต่อมาเมื่อได้สอบกับหนังสือพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง จึงได้แน่ใจว่าได้ถูกรางวัลที่สามในงวดนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะยังไม่เคยถูกมาก่อน เวลานั้นการออกสลากยังทำกันที่ศาลากลาง ข้างกระทรวงมหาดไทย และเดือนหนึ่งออกเพียงสามครั้ง