Monday, January 15, 2007

ความดี โดย ท.เลียงพิบูลย์ (2)

ผมจึงโบกมือตั้งแต่รถยังอยู่ไกล เพื่อให้คนขับมีเวลาเบาเครื่อง แต่รู้สึกว่าไม่ได้ผล เพราะรถคันนั้นไม่ยอมเบาเครื่อง กลับเร่งเครื่องผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซ้ำคนที่นั่งมาข้างคนขับโบกมือส่ายไปส่ายมา คล้ายกับว่าไม่ใช่ธุระของเขา เมื่อยืนนึกว่าเมื่อรถเขาไม่ช่วยแล้วเราจะทำอย่างไรดี มองดูบ้านชาวนาเห็นอยู่ไกลลิบๆ ถ้าเราบุกเข้าไปที่บ้านชาวนากว่าจะถึงก็คงเสียเวลานาน ซึ่งไม่สามารถจะกำหนดแน่นอน ถึงไปถ้าหากไม่มีใครเขายอมมาช่วยก็คงเสียเวลาเปล่า และก็ไม่รู้จะให้ช่วยอย่างไร นอกจากจะช่วยเกณฑ์คนมาสัก ๑๐ คนก็พอจะมีทาง และจะทิ้งเด็กและผู้หญิงไว้ในรถในสถานที่เวิ้งว้างเช่นนี้ก็ไม่ควร ถ้าไม่รีบนำรถขึ้นจากนาในไม่ช้าก็จะค่ำ พวกเด็กคงหิวเพราะในรถไม่มีอาหารหนัก กำลังคิดแก้ปัญหาไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี ฝนก็ตกลงมาหนาขึ้นจะลงไปหลบฝนในรถก็ใช่ที่ ครั้นจะยืนอยู่บนถนนก็ไม่มีที่หลบฝน ก็พอดีเห็นรถงานอีกคันหนึ่งวิ่งมาทางจะเข้ากรุงเทพฯ ฝนก็ตกผมกำลังคิดว่าจะยกมือขอความช่วยเหลือดีไหม กลัวเขาจะผ่านไปโดยไม่ใยดี เพราะฝนกำลังตกหนาเม็ด เมื่อครู่ฝนหายรถผ่านมาขอความช่วยเหลือ เขาก็ไม่สนใจจะช่วยโดยผ่านไป แต่บัดนี้ฝนกำลังตกแล้วจะมีใครบ้างจะใจดีหยุดรถช่วยในเวลาฝนตกเช่นนี้ เขาคงจะผ่านไปเหมือนคันที่แล้วมาเป็นแน่ กำลังนึกงงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ก็พอดีรถคันนั้นกำลังผ่านหน้าไป มองเห็นชายที่มองผมที่ร้านอาหารนั่งมาข้างหน้ารถ และมีชายร่างกายล่ำสันหลายคนนั่งอยู่ในกระบะ โดยเอาผ้าน้ำมันผืนใหญ่บังหัวไว้คลุมไม่ให้เปียกตลอดทุกคน กันฝนที่ตกลงมาและต่างก็เอามือยันผ้าขึ้นเพื่อให้อากาศเข้าและมองเห็นข้างทาง ผมมองดูรถที่ผ่านไปด้วยความหมดหวัง นึกติตัวเองที่ไม่โบกมือขอความช่วยเหลือ เขาจะช่วยหรือไม่ช่วยมันอีกเรื่องหนึ่ง ควรจะลองดู นึกเสียใจที่ยืนงงตัดสินใจไม่ถูก ที่ปล่อยให้รถคันนั้นผ่านไปโดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือ กำลังนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ ก็พอดีเห็นรถคันที่ผ่านเลยไปแล้วเหยียบห้ามล้อหยุดรถห่างจากที่ผมยืนประมาณ ๒๐–๓๐ วา แต่แล้วก็ถอยหลังมาหยุดรถตรงที่ผมยืนอยู่พอดี ทันใดนั้นชายผู้ที่จ้องหน้าผมที่ร้านอาหาร ก็กระโดดลงจากรถอย่างว่องไวแล้วก้มหัวยกมือไหว้นอบน้อม ผมเองก็งงบอกไม่ถูกว่า ผมรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น เสียงผู้ชายผู้นั้นพูดว่า "ท่านจะให้ผมทำอะไร โปรดใช้มาเถิดครับ" ผมยังไม่หายงงและเกิดตื้นตันใจ เหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอสะอื้นอยู่ในอก ได้แต่ชี้มือลงไปข้างทางเหมือนคนใบ้พูดอะไรไม่ออก แต่ชายผู้นั้นรู้ความหมายดี นี่ก็แสดงให้เห็นว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อครู่นี้หลังจากผมได้โบกมือ ขอให้รถงานคันนั้นหยุดขอความช่วยเหลือ แต่แล้วความหวังก็สูญสิ้นไป แต่แล้วก็มีรถงานเช่นเดียวกันผ่านมา แต่ผมไม่กล้าขอความช่วยเหลือเพราะเข็ด แต่แล้วสิ่งที่ไม่นึกไม่ฝันก็เกิดขึ้น รถคันที่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือกลับยินดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม้แต่ฝนกำลังตกก็ไม่ย่อท้อ ผมเห็นชายรูปร่างล่ำสัน ๘ คน ได้รีบลงจากรถพร้อมทั้งคนขับด้วยความว่องไว เมื่อชายผู้นั้นบอกว่า "พวกเรามาช่วยกันนำรถของท่านขึ้นจากท้องนาหน่อย" แต่แล้วผมก็เห็นเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้น หยิบเชือกยาวออกมาจากรถคันนั้น แล้วก็ถอยรถงานคันนั้น เอาท้ายรถจ่อข้างถนนให้ใกล้กับรถของผม แล้วก็ผูกไว้ท้ายรถบรรทุกอีกข้าง เขาก็บุกลงไปผูกไว้ใต้หน้าหม้อน้ำที่รถของผม เมื่อผูกเสร็จเรียบร้อย ชายผู้เป็นหัวหน้าสั่งงานเปิดประตูขึ้น ไปนั่งบนรถเก๋งของผม โดยไม่ต้องให้เด็กและผู้หญิงลงจากรถ ผมจะเข้าไปช่วย ชายผู้นั้นพูดว่า..... "ท่านไม่ต้องลำบากหรอกครับ ปล่อยให้พวกผมทำประเดี๋ยวก็เรียบร้อย ไม่ยากเย็นอะไร อย่าว่าแต่รถเก๋งเบาๆ เลยครับ รถกุดังใหญ่ๆ หนักกว่านี้มากพวกผมก็เอาขึ้นมาได้ โดยไม่ลำบากนัก" ผมได้แต่ยืนดู ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาจัดการ รู้สึกว่าคนเหล่านั้นทำงานกันด้วยความสามัคคีประสานงานกันอย่างรวดเร็ว และทุกคนทำงานด้วยความเต็มใจและว่องไว ผมเองก็อดชมไม่ได้ เมื่อผูกเชือกเรียบร้อยเพื่อใช้รถบรรทุกลากรถของผม ทันใดนั้นชายฉกรรจ์อีก ๗ คน ก็บุกลงไปในนาคอยเข็นหลังรถเก๋งผม เมื่อรถบรรทุกเริ่มดึงรถของผมขึ้นจากหล่ม ชายผู้นั่งถือพวงมาลัยอยู่ในรถของผมก็เดินเครื่อง แล้วใช้เกียร์หนึ่งเข้าช่วยแรงชายทั้ง ๗ คนช่วยยกและดันช่วยแรงทางท้ายรถ แต่แล้วรถของผมก็ถูกลาก และถูกยกและถูกดันก็เคลื่อนจากที่ติดหล่มในนา ก็ค่อยๆ ถูกดึงถูกดันขึ้นมาอยู่บนถนนอีกครั้งหนึ่ง และเตรียมพร้อมที่จะเดินทางต่อไปได้ ผมเห็นชายเหล่านั้นเปื้อนโคลนเปียกฝน ไม่เห็นมีใครบ่นว่ายากลำบาก มีแต่หน้าตายิ้มแย้มหัวเราะ และทำงานด้วยความสนุกสนานด้วยสมัครใจ ผมอดนึกชมเชยไม่ได้ ผมได้พูดกับชายผู้เป็นหัวหน้าสั่งงานว่า "ผมไม่รู้ว่าจะพูดขอบใจอย่างไรถูก เพราะผมดีใจจนน้ำตาไหล พูดไม่ออกที่พวกคุณได้มีน้ำใจ ให้ความกรุณามาช่วยเหลือนำรถของผมขึ้นมาอยู่บนถนนได้ โดยผมไม่ทันได้ร้องขอ ผมนึกว่าจะแย่เสียแล้ว คิดว่าวันนี้คงหมดหวังจะนำรถกลับบ้าน นับว่าเป็นบุญคุณที่ผมไม่สามารถจะลืมได้ ที่พวกคุณได้เห็นอกเห็นใจผมช่วยเหลือผมในเวลาลำบากเช่นนี้ และมิได้นึกถึงความยากลำบากแค้น ต้องเปียกต้องเปื้อนโคลนก็ไม่นึกรังเกียจ" เสียงผู้ชายผู้ที่จ้องมองดูผมที่ร้านอาหารพูดขึ้นว่า "คนทำความดีอย่างท่านไม่ถึงที่อับจนง่ายๆ หรอกครับ" ผมได้ยินชายผู้นั้นพูดเป็นนัย ก็ชักสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร เพราะทุกสิ่งมันคล้ายกับฝันร้าย และเวลานี้กำลังตื่นจากฝันร้าย ผมก็ยังงงๆ มองดูบางคนก็เอากระป๋องจากรถบรรทุกลงไปตักน้ำในคูข้างทางอีกฝั่งหนึ่ง ช่วยล้างรถล้างโคลนที่ติดล้อและต่างก็ช่วยกัน บางคนก็แก้เชือกที่ผูกรถออก เพราะหมดความจำเป็นที่จะใช้แล้ว ผมยืนนึกว่าชายเหล่านี้เป็นผู้ที่หาเช้ากินค่ำ อุตส่าห์ช่วยเหลือทำงานอย่างเต็มใจเช่นนี้ ก็ควรจะได้รับการตอบแทนอย่างงามบ้าง ถ้าไปจ้างอู่มายกขึ้นก็คงจะเสียเงินอย่างน้อยก็หลายร้อยบาท และทั้งเสียเวลาต้องลำบากไปอีกนาน จึงคิดว่าผมจะให้เงินชายใจดีเหล่านี้คนละ ๒๐ บาท เพื่อเป็นสินน้ำใจ เพราะคนที่มีน้ำใจดีในกลุ่มกรรมกรหาเช้ากินค่ำเช่นนี้หาได้ยาก และแล้วผมก็หยิบธนบัตรฉบับละยี่สิบบาทยื่นส่งให้เป็นรายตัว พลางพูดว่า "ขอให้รับไว้ อย่านึกว่าเป็นค่าสินจ้างเลย พร้อมทั้งขอขอบใจอย่างสูงจากผมด้วย" แต่ผมก็ได้รับความแปลกประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมได้ยื่นเงินให้คนไหน เขาก็ก้มศรีษะลงยกมือไหว้ยิ้มอย่างมีความสุข สั่นศรีษะไม่ยอมรับเงินที่ผมยื่นให้แล้วพูดว่า "ขอให้ผมรับใช้ท่านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนดีกว่าครับ"