Monday, January 15, 2007

เด็กข้างถนน : โดย ท.เลียงพิบูลย์ 5

เมื่อผมลาท่านสมภารออกจากวัด ก็มาได้ทำงานที่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง กินอยู่หลับนอนเสร็จ ผมมีหน้าที่ทำความสะอาดและล้างถ้วยชาม ได้กินอิ่มนอนหลับสมกับสภาพของลูกจ้างทั่วๆ ไป ผมเข้าไปทำงานได้ ๔ - ๕ เดือน เจ้าของร้านก็รู้สึกเอ็นดูสงสารผมมากกว่าคนอยู่ก่อน แต่ชะตาของผมมักจะพบคนพาล แม้ว่าผมจะทำงานต่ำๆ ก็ยังมีคนคอยอิจฉาริษยา พวกคนทำงานด้วยกันคอยแกล้งพูดเสียดสีหาเรื่องรังแก หาว่าผมทำงานขยันเพื่อประจบเจ้าของร้าน ทำงานเอาหน้า ทำข้ามหน้าข้ามตาพวกเขา เพราะผมทำงานเรียบร้อย เสร็จเร็วกว่าเขาในงานอย่างเดียวกัน ฉะนั้น เขาจึงพากันโกรธแค้นคอยกีดกัน หาเรื่องผมตลอดมา แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า เหตุเหล่านี้มันคงไม่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาโกรธมาก ถึงกับพาลหาเรื่อง คิดว่าสิ่งที่ทำให้เขาโกรธมาก็เพราะผมได้รู้เห็นว่า พวกนี้ชอบยักยอกเงินขายอาหารเอาไปแบ่งกัน แต่เมื่อรู้เห็นเขาก็มาทำใจดี ชวนผมร่วมมือเป็นพวกด้วย โดยสัญญาจะแบ่งเงินให้ผมด้วยส่วนหนึ่ง แต่ผมนึกถึงยาย นึกถึงคาถาของท่านสมภาร ผมจึงไม่ยอมร่วมมือทำการทุจริตด้วย พวกเขาจึงโกรธมาก ขู่ให้ผมออกจากงาน มิฉะนั้นจะเจ็บตัว ผมเองก็ไม่สนใจในคำขู่ไม่ยอมปฏิบัติตาม และผมก็ทำงานมาเป็นปกติ เหตุเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เวลาเช้าผมเดินเข้าไปในซอย เพื่อเก็บจานชามที่มีผู้สั่งมาเลี้ยงกันที่บ้านในวันสิ้นเดือน ตามธรรมดาเวลาเช้าเรามีเวลาว่าง เพราะเปิดขายอาหารตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน เมื่อผมเดินเข้าไปในซอยยังไม่ทันถึงบ้านที่จะไปเก็บชาม ก็เดินสวนทางกับชายผู้ร่วมงานกับผมซึ่งเป็นหัวหน้า ขู่และแสดงกิริยาไม่เป็นมิตรกับผมตลอดมา ผมก็ไม่สนใจ แต่พอผมเดินคล้อยหลังก็ได้ยินเสียงร้องโอย เหมือนได้รับความเจ็บปวดอยู่ข้างตัว ผมตกใจหันไปดู เห็นชายคนหนึ่งผิวดำ รูปร่างกำยำล่ำสัน จับข้อมือชายร่วมงานผู้เป็นอริกับผม บิดท่ายูโดจนหลังแอ่น ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและกลัว แต่ในมือยังคงกำมีดโต๊ะไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จนชายผู้นั้นบิดข้อมือสะบัดหนักขึ้นจนหน้าเบี้ยวบูด เห็นจะทนไม่ไหว มือที่กำมีดไว้ก็คลายออก ปล่อยมีดหลุดตกลงยังพื้น ชายผู้นั้นยังคงบิดมือไขว้หลังแน่นอยู่ไม่ยอมให้ดิ้นหลุดไป ชายร่วมงานกับผมตกใจจนหน้าซีดเหงื่อออก อ้อนวอนขอร้องให้ผมบอกให้ชายผู้นั้นปล่อย เคราะห์ดีในซอยนั้นไม่มีผู้คนผ่านไปมามากนักเพราะเป็นเวลาเช้า จึงไม่ใคร่มีใครรู้เห็นเหตุการณ์พอที่จะมายืนมุงดู ผมหันไปมองหน้าชายผู้มีพระคุณผู้นั้นเพื่อขอความเห็น ชายผู้นั้นมองหน้าผมแล้วพูดว่า “อ้ายหนู เอ็งยังเคราะห์ดีที่ข้าเห็นมันชักมีดออกมาก่อนที่จะทำอะไรลงไป ข้าจึงโดดเข้ามาคว้าข้อมือมันไว้ทัน ไม่เช่นนั้นมีดคงปักกลางหลังเอ็งแน่” แต่แล้วเจ้าคนร่วมงานกับผมก็ร้องบอกขึ้นว่า “ไม่จริง ผมเพียงแต่ชักมีดออกมาขู่ ผมไม่ตั้งใจจะแทงหรอกครับ กรุณาปล่อยผมเถิด ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก นึกว่าสงสารยกโทษให้ผมเถิด” พูดแล้วร้องไห้เหมือนจะสำนึกตัว แล้วชายผู้นั้นก็หันมาพูดว่า “ยังไง อ้ายหนูเอ็งรู้จักกับมันดีอยู่หรือ” ผมจึงเล่าเรื่องชายผู้ร่วมงานนั้น ให้ชายแปลกหน้าฟังโดยตลอด เมื่อทราบแล้วชายผู้นั้นถามผมว่า “นี่จะจัดการอย่างไรดี อ้ายนักเลงกุ๊ยๆ อย่างนี้” ผมบอกว่า “ผมอยากจะให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำชั่วอีก แล้วปล่อยเขาไป” ชายผู้นั้นพูดว่า “เอา ! ตามใจเอ็ง ข้าไม่ชอบคนทำร้ายข้างหลัง” ผมจึงพูดกับผู้ร่วมงานของผมว่า “เราจะต้องให้สัญญาว่าจะไม่ประพฤติชั่วต่อไป และการยักยอกเงินของร้านขายอาหารก็ขอห้ามเด็ดขาดอย่าทำอีก ถ้าไม่เชื่อฉันจะบอกให้เขารู้เรื่องที่แกดักแทงฉัน เพราะฉันรู้ความลับที่แกยักยอกเงิน แกจะรับปากให้ฉันได้ไหม” ชายร่วมงานรีบรับปากทันที “ได้ ต่อไปผมจะไม่คิดร้ายต่อคุณ และไม่ทุจริตยักยอก แต่ขออย่าได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้” เสียงชายผู้นั้นตะคอกว่า “เฮ้ย แล้วมันจะมีอะไรประกันล่ะวะ พูดง่ายๆ พอจะเอาตัวรอดเท่านั้น แล้วมันก็ไม่ทำตามใครจะรู้” เสียงชายร่วมงานตอบปากคอสั่นว่า “ผมสาบานให้ได้ ถ้าผมผิดคำพูดที่ให้ไว้ ขอให้ผมตายภายในสามวันเจ็ดวันเถิดครับ” ผมจึงบอกชายแปลกหน้าคนนั้นว่า “ปล่อยเขาไปเถิดครับ เขาคงเข็ด และได้สาบานแล้ว” ชายผู้นั้นมองหน้าผมแล้วพูดว่า “อ้ายหนูนี่ใจดีนัก มันจะเอาชีวิตเอ็ง แล้วยังไม่เอาเรื่อง แต่เอ็งอยากปล่อยมันข้าก็ไม่ว่า ข้าเอ็งก็ไม่ชอบยุ่งกับตำรวจเหมือนกัน แต่ข้าจะขอสั่งสอนให้มันรู้เสียบ้าง” แล้วก็ปล่อยมือที่ไขว้หลัง แล้วใช้มือขวาตบหน้าข้างซ้ายของชายร่วมงานจนเซไป แล้วตวาดซ้ำว่า “ไปให้พ้นหน้าข้าเร็วๆ ประเดี๋ยวข้าเกิดกลับใจ เอ็งจะเจ็บตัวมากกว่านี้” ชายผู้ร่วมงานของผมยกมือขึ้นไหว้แล้วไหว้อีก ด้วยความกลัว พอจะก้มหยิบมีด ชายผู้นั้นก็ใช้เท้าเหยียบเอาไว้ ทั้งตวาดซ้ำอีกว่า “ไปไม่ต้องหยิบ ถ้าช้า ประเดี๋ยวมีดเล่มนี้จะเล่นงานมึง” ชายผู้ร่วมงานของผมตกใจยกมือไหว้อีก แล้วรีบตาลีตาลานเดินออกไป ไม่ยอมหันกลับมามองอีกเลย ชายแปลกหน้าหัวเราะก้มลงหยิบมีดโต๊ะขึ้นมาหักด้วยข้อมืออันแข็งแรงออกเป็นสองท่อน แล้วก็โยนทิ้งไปในถังขยะ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น แล้วหันมาพูดกับผมว่า “อ้ายหนู เอ็งอย่ากลับไปทำงานที่ร้านอาหารอีกเลย ข้าชักชอบเอ็งแล้วละ ไปอยู่กับข้า ข้ามีงานให้ทำดีกว่านี้” ผมมองดูชายแปลกหน้าผู้นั้นด้วยความรู้คุณ ที่ได้ช่วยเหลือผมจากการลอบทำร้าย จึงพูดขึ้นว่า “คุณจะให้ผมทำงานอะไรครับ ผมไม่มีความรู้อะไรมากนัก กลัวจะเสียงานของคุณ” ชายแปลกหน้าหัวเราะพลางพูดว่า “เฮ้ย เอ็งอย่าเรียกข้าว่าคุณเคินอะไรเลยวะ เรียกข้าว่าพี่ก็แล้วกัน งานของข้ามันไม่ยากเย็นอะไร ข้าคิดว่าเอ็งคงทำได้ หน่วยก้านเอ็งมันดี ฉลาดแต่ซื่อๆ ข้าชอบ” ผมเลยบอกไปว่า “ตกลงครับ พี่ ผมจะทำงานให้พี่ทุกอย่างที่พี่เห็นว่าผมทำได้”